‘ค่าเงินบาท’ ครึ่งปีหลังปั่นป่วน ภาษี‘ทรัมป์’กด USD อ่อนหนัก
ห้องค้าเงินประเมิน “เงินบาท” สิ้นปีแข็งค่า “กสิกรไทย” ปรับคาดการณ์ใหม่คาดสิ้นปี 33.70 บาท/ดอลลาร์ เหตุนโยบายภาษีทรัมป์ทำดอลลาร์อ่อนกว่าคาด-ราคาทองพุ่งเร็ว-ฟันด์โฟลว์ทะลักเข้าบอนด์เอเชีย ฟาก “กรุงศรี” มองช่วงที่เหลือของปีเงินบาทผันผวนหนัก คาดไตรมาส 3 อ่อนค่าก่อนพลิกแข็งค่าในไตรมาสสุดท้าย-สิ้นปีมีโอกาสแตะระดับ 32 บาท/ดอลลาร์
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย, CFA ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (ห้องค้ากสิกรไทย) เปิดเผยว่า ห้องค้ากสิกรไทยได้ปรับคาดการณ์ค่าเงินบาทที่ 33.70 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2568 จากเดิมประมาณการไว้ที่ 35.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนไปหลังนโยบายภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่ากว่าคาด ราคาทองคำพุ่งขึ้นเร็ว เงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าตลาดพันธบัตร (บอนด์) เอเชียสูงกว่าคาด
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอมาก อาจนำไปสู่การอ่อนค่าของเงินบาทจากระดับปัจจุบันได้ โดยเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มชะลอตัวแรงในปีนี้ จากความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าสหรัฐ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตได้เพียง 1.4% เท่านั้น จากประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทย
“เรายังเห็นโอกาสที่ค่าเงินบาท อาจอ่อนค่าลงจากระดับปัจจุบันได้ เนื่องจากค่าเงินบาทได้รับรู้ปัจจัยหนุนแข็งค่าจากภายนอกไปมากแล้ว ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่อ่อนแอนั้น ตลาดยังไม่ได้รับรู้มากนัก”
นายกอบสิทธิ์ระบุว่า ความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้ายังอยู่ในระดับสูง จากภาษีนำเข้าของทรัมป์ที่อาจสะดุด การลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ขึ้นอยู่กับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ และความกังวลหนี้สาธารณะสหรัฐ อาจทำให้ค่าเงินบาทผันผวนอย่างมากได้ในระยะข้างหน้า
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า กรุงศรีมองว่าช่วงไตรมาส 3 นี้ เงินบาทมีโอกาสจะอ่อนค่าไปทดสอบระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจัยภาษีตอบโต้ของสหรัฐ ซึ่งต้องดูว่าสุดท้ายแล้วสหรัฐจะคิดภาษีไทยเท่าไหร่ แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ต่ำกว่า 10% แต่คงไม่ถึง 36% ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาด้วยว่า การเจรจาจะออกมาแล้วเงื่อนไขดีกว่าประเทศคู่ค้าอื่นของไทยหรือไม่
“ทุกคนมองคล้ายกันว่า เศรษฐกิจไตรมาสแรกโต 3.1% ส่วน 3 ไตรมาสที่เหลือของปี คงจะแย่ เพราะที่ผ่านมาเร่งส่งออกไปหมดแล้ว ที่สำคัญ แม้จะส่งออกได้มากในไตรมาสแรก แต่ภาคการผลิตก็ยังหดตัว ส่วนการบริโภคในประเทศก็ถูกกระทบจากระดับหนี้ครัวเรือนที่สูง ด้านการลงทุนปีนี้ เรามองว่าอาจจะหดตัว เพราะทุกคนก็รอ และนโยบายภาครัฐที่จะส่งผลต่อการลงทุนภาคเอกชนก็อาจจะไม่ได้มีอะไรออกมามาก”
ขณะที่ช่วงไตรมาส 4 กรุงศรีมองว่า เนื่องจากคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะลดดอกเบี้ยในปีนี้รวม 3 ครั้ง มากกว่าที่ตลาดมองกันไว้ว่าจะลด 2 ครั้ง ดังนั้นค่าเงินบาทในไตรมาสสุดท้ายก็มีโอกาสจะกลับมาแข็งค่าขึ้นในระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์อีกครั้ง
“ค่าเงินบาทช่วงที่เหลือของปีน่าจะผันผวนมากพอสมควร เพราะปัจจัยเสี่ยงทับซ้อนกันค่อนข้างมาก”
ทั้งนี้ กรุงศรีคาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 มิ.ย. โดยตลาดจะให้ความสนใจกับประมาณการเศรษฐกิจเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย (Dot Plot) ชุดใหม่จากเจ้าหน้าที่เฟด ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้นระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านและผลกระทบต่อราคาพลังงานยกระดับความไม่แน่นอนที่สูงอยู่แล้วจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์
ภาวะดังกล่าวอาจทำให้เฟดเลือกที่จะยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังเกี่ยวกับการส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในไตรมาส 3/2568 ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ ล่าสุด บ่งชี้ว่าหากไม่มีความเสี่ยงที่เกิดจากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ เฟดน่าจะพร้อมสำหรับการลดอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ไปแล้ว
อนึ่ง ตลาดตอบสนองต่อข่าวกรอบข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนอย่างจำกัด เนื่องจากศาลอุทธรณ์สหรัฐประกาศขยายการดำเนินภาษีตอบโต้จนกว่าคดีจะถูกพิจารณาในวันที่ 31 ก.ค. นักลงทุนจะประเมินสถานการณ์ความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางในมิติของระดับความรุนแรงต่อต้นทุนน้ำมันมากกว่ามิติการพักเงินในสินทรัพย์ปลอดภัย
ที่มา : ‘ค่าเงินบาท’ ครึ่งปีหลังปั่นป่วน ภาษี‘ทรัมป์’กด USD อ่อนหนัก