G-Token เปิดยุคใหม่การลงทุน แค่ 1 บาทก็ร่วมพัฒนาประเทศได้
รัฐบาลเตรียมออก G-Token โทเคนดิจิทัลตัวแรกของไทย รองรับการระดมทุนผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน เริ่มต้นเพียง 1 บาท ดึงคนรุ่นใหม่ลงทุนพัฒนาประเทศ พร้อมเปลี่ยนเกมพันธบัตรสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลแบบเรียลไทม์
ในภาวะที่รัฐบาลต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เพื่อขับเคลื่อนโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การออกพันธบัตรออมทรัพย์ถือเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการบริหารการเงินสาธารณะที่มีบทบาททั้งการระดมทุนและเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนาประเทศ ผ่านการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่มั่นคง
ขณะที่เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech) ที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว รัฐบาลหลายประเทศเริ่มมองหาแนวทางใหม่ๆ ในการปรับปรุงเครื่องมือทางการคลังให้มีความทันสมัย คล่องตัว และเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น
สำหรับประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่บทใหม่ของการบริหารหนี้ภาครัฐ ด้วยการเตรียมออก โทเคนดิจิทัลของรัฐบาล ผ่าน “G-Token” ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนโฉมการระดมทุนของภาครัฐ ก้าวสู่ยุคเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างเป็นทางการ รองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)เปิดเผยว่า สบน.ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย ร่วมพัฒนาตราสารหนี้และศึกษานวัตกรรมการระดมทุนใหม่ๆ เพื่อให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวสูงมากยิ่งขึ้นและสามารถซื้อขายแบบเรียลไทม์ได้
นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.)
ทั้งนี้การซื้อขายเปลี่ยนมือตราสารหนี้หรือพันธบัตร จะต้องใช้ระยะเวลา 7-10 วัน อีกทั้งต้องเดินทางไปที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หรือสถาบันการเงินด้วยตัวเอง แต่ต่อไปจะเป็นการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์มที่พัฒนาร่วมกัน
โดยจะเริ่มจากพันธบัตรออมทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันมียอดคงค้างในระบบกว่า 46 รุ่น มูลค่ารวม 6.2 แสนล้านบาท ระยะสั้นอายุเฉลี่ย 7-8 ปี ส่วนระยะยาว อายุเฉลี่ย 10-15 ปี
“เราจะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพื่อเพิ่มความคล่องตัว ให้เป็นรูปแบบเรียลไทม์ อำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนมือในตลาดรอง เพราะตลาดแรกไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เป็นการจองซื้อทั่วไป ก่อนที่จะมีการนำมาซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรอง แต่การเปลี่ยนมือยังทำได้ยาก เราจึงต้องการแก้ไขให้มีความคล่องตัวสูงสุด”
นอกจากนั้น สบน.ยังจะมีการะดมทุนในรูปแบบใหม่ๆด้วย โดยหลังจากคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการออกโทเคนดิจิทัล พ.ศ. .... เพื่อให้กระทรวงการคลังสามารถออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลของรัฐบาล (Government Token) หรือ G-Token เพื่อระดมทุนสำหรับการชดเชยการขาดดุลงบประมาณประจำปี
“G-Token จะเป็นตราสารหนี้รูปแบบใหม่ ที่อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งตั้งเป้าว่า จะออกมาได้ภายในเดือนก.ค.68 วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท”
ดังนั้น G-Token จะเป็นการพัฒนาการระดมทุนใหม่ๆ ของรัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะแบ่งวงเงินบางส่วน ภายใต้กรอบพันธบัตรออมทรัพย์
โดยในปีงบประมาณ 2568 มีวงเงินที่จะระดมทุนผ่านพันธบัตรออมทรัพย์ 1 แสนล้านบาท ซึ่งมีการออกพันธบัตรออมทรัพย์ไปแล้ว 3.5 หมื่นล้านบาท เหลือกรอบวงเงินอยู่ 6.5 หมื่นล้านบาท แต่การกู้เงินจะดูตามความจำเป็นในการใช้จ่ายด้วย
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า G-Token จะไม่ได้มาแทนที่พันธบัตรออมทรัพย์ แต่จะเดินควบคู่กันไป เพราะกลุ่มลูกค้าที่เข้าถึงผลิตภัณฑ์การระดมทุนของสบน. มีหลากหลายกลุ่ม ซึ่ง G-Token จะเป็นการขยายฐานนักลงทุนรายย่อย ที่อาจไม่เคยลงทุนในพันธบัตรหรือเครื่องมือทางการเงินของรัฐมาก่อน
โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มที่คุ้นเคยกับแพลตฟอร์มดิจิทัล สอดคล้องกับเป้าหมายด้าน “Financial Inclusion” หรือการเข้าถึงโอกาสทางการเงินอย่างเท่าเทียม
ส่วนขั้นตอนต่อไประหว่างเตรียมออก G-Token สบน.จะทำงานร่วมกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดรายละเอียด G-Token โดยจะมีการจำหน่ายผ่านบริษัทหลักทรัพย์และศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Exchange)
ถือเป็นครั้งแรกของโลก ที่รัฐบาลดำเนินการระดมทุนผ่านดิจิทัล Token ไปยังประชาชนโดยตรง อย่างไรก็ตาม พบว่าขณะนี้ก็มีหลายประเทศที่อยู่ระหว่างศึกษาแนวทางในการดำเนินการดังกล่าว เช่น อังกฤษ และฮ่องกง
ด้านผลตอบแทนของ G-Token จะเทียบเคียงดอกเบี้ยพันธบัตรออมทรัพย์ และพยายามให้หน่วยลงทุนราคาไม่สูง ประมาณ 1-100 บาทต่อหน่วย เพื่อให้ประชาชนคนรุ่นใหม่เข้าถึงได้ ยืนยันว่า จะไม่กระทบ Yield curve ของประเทศ เนื่องจากเราไม่ได้ระดมทุนขนาดใหญ่ วงเงินที่อยู่ในระบบไม่ยาว อยู่ระหว่างพิจารณาการถือครองสูงสุดไม่เกิน 1 ปี
สำหรับจุดเด่นของ G-Token คือ ผู้ซื้อตลาดแรก สามารถขายเปลี่ยนมือได้เลยตั้งแต่วันแรกที่ซื้อ ไม่ได้กำหนดระยะเวลาการถือครองก่อนเปลี่ยนมือเหมือนกับพันธบัตรออมทรัพย์ ซึ่งกำหนดระยะเวลาถือครองอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะสามารถขายในตลาดรองได้ ซึ่งจะเป็นหนึ่งเครื่องมือที่เราจะนำมาใช้ในอนาคต เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการระดมทุน
นอกจากนั้น สบน.ยังได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์การระดมทุนใหม่ๆ ออกมา เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ยิ่งขึ้น โดยก่อนหน้านี้ได้มีการออก พันธบัตรส่งเสริมความยั่งยืน (Sustainability-Linked Bond : SLB) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างยั่งยืน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท
การระดมทุนดังกล่าว รัฐบาลไทย เป็นรัฐบาลประเทศแรกในเอเชีย และรัฐบาลที่ 3 ของโลกที่ประสบความสำเร็จในการออก SLB ต่อจากรัฐบาลของประเทศชิลีและอุรุกวัย
ที่มา : G-Token เปิดยุคใหม่การลงทุน แค่ 1 บาทก็ร่วมพัฒนาประเทศได้