Head Top
15 ปีแห่งการพิมพ์เงิน ! หนี้สหรัฐฯ ทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
Ads test

15 ปีแห่งการพิมพ์เงิน ! หนี้สหรัฐฯ ทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เชื่อหรือไม่ว่า ตลอดระยะเวลา 15 ปีที่ผ่านมา ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าพิมพ์เงินอย่างต่อเนื่องในระดับล้านล้านดอลลาร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา เราก็ได้เห็นหนี้สาธารณะของประเทศพุ่งทะยานขึ้นจาก 10 ล้านล้านดอลลาร์ จนกระทั่งทะลุ 37 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ 

ตัวเลขหนี้มหาศาลนี้กำลังจุดประกายความกังวลไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเฟ้อที่ค่อย ๆ บั่นทอนกำลังซื้อของประชาชน ไปจนถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และความไม่มั่นคงของระบบการเงินแบบดั้งเดิมที่เริ่มถูกตั้งคำถามมากขึ้นทุกวัน

🔥 INSIGHT: While US debt soared from $13T to $37T in 15 years, Bitcoin climbed from under $1 to $100K. pic.twitter.com/oVYuUzOYAs

— Cointelegraph (@Cointelegraph) June 20, 2025

แต่ในอีกมุมหนึ่ง ท่ามกลางความวุ่นวายของหนี้สินและการพิมพ์เงินที่ไม่หยุดยั้งนี้เอง Bitcoin กลับปรากฏตัวขึ้นและเติบโตอย่างเงียบๆ จากการเป็นแค่ “การทดลองทางดิจิทัล” ที่ถูกขุดขึ้นมาทีละบล็อกๆ ค่อยๆ พัฒนาจนกลายมาเป็น “สินทรัพย์ระดับโลก” ที่ทุกคนต้องหันมาจับตามอง

สิ่งที่ทำให้ Bitcoin พิเศษ ก็เพราะมันมี “จำนวนจำกัด” และมีโครงสร้างแบบ “กระจายศูนย์” ไม่มีใครควบคุมได้ ทำให้มันกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดความสนใจจากคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาอย่างเราๆ สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ หรือแม้กระทั่งกองทุนความมั่งคั่งของประเทศต่างๆ ที่กำลังมองหา “ทางเลือก” เพื่อปกป้องความมั่งคั่งจากความเสี่ยงของสกุลเงินแบบดั้งเดิม

และเมื่อเวลาผ่านไป หนี้ของสหรัฐฯ ก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ส่วนมูลค่าของ Bitcoin ก็ทะยานสูงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ชนิดที่เรียกว่าพลิกชีวิตผู้คนมาแล้วมากมาย แรงหนุนสำคัญมาจากทั้งการเก็งกำไรและความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงินแบบเก่าที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ย้อนกลับไปในปี 2010 หรือ 15 ปีที่แล้ว ราคา Bitcoin ถูกบันทึกที่ราคาเพียง 0.003 ดอลลาร์ ต่อ 1 BTC เท่านั้น ถ้าในตอนนั้น คุณมีเงินแค่เพียง 1 ดอลลาร์ คุณสามารถซื้อ Bitcoin ได้มากกว่า 300 BTC และถ้า Bitcoin จำนวนนั้นยังอยู่ในมือคุณจนถึงวันนี้ มันจะมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 30 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว 

เหตุการณ์เหล่านี้ กำลังสะท้อนให้เราเห็นถึงความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงระหว่าง “หนี้ของประเทศที่พุ่งขึ้นไม่หยุด” กับ “การเติบโตของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไร้ขีดจำกัด” ซึ่งถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำความเข้าใจกับอนาคตทางการเงินที่กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์



squareADS
squareADS
ข่าวราคาทอง
Ads test
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ การเข้าชมเว็บไซต์นี้ต่อไปถือว่าท่านยอมรับคุกกี้บนเว็บไซต์และ  นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งหมดที่ระบุไว้