เงินบาทอ่อนค่า จับตาสัปดาห์หน้า 3 ปัจจัยสำคัญ-ราคาทองคำตลาดโลก
เงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยท้ายสัปดาห์ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยลงต่อเป็นสัปดาห์ที่สี่ กสิกรไทยคาดสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ จับตา 3 ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณการเจรจาการค้าของสหรัฐฯและคู่ค้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทกลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยท้ายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวบางส่วนรับข่าวการหารือระหว่างปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และปธน. สี จิ้นผิงของจีน
เงินบาททยอยแข็งค่าในช่วงแรกสอดคล้องกับทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกที่กลับขึ้นไปทดสอบแนว 3,400 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ ประกอบกับน่าจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากแรงซื้อพันธบัตรไทยของต่างชาติในช่วงกลางสัปดาห์ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ (อาทิ ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนของ ADP ดัชนี ISM ภาคบริการเดือนพ.ค. ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด) นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากการที่ ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงแสดงท่าทีเรียกร้องให้ประธานเฟดรีบปรับลดดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่ากลับมาบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ หลังเงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นรับข่าวปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และปธน. สี จิ้นผิงของจีน มีการหารือและเห็นพ้องกันว่าต้องมีการเจรจาเพิ่มเติมในประเด็นทางการค้า
ในวันศุกร์ที่ 6 มิ.ย. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.59 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 32.83 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (30 พ.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 4-6 มิ.ย. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 2,377 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 185 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 183 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 2 ล้านบาท)
สำหรับสัปดาห์ถัดไปหรือระหว่างวันที่ 9-13 มิ.ย. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.40-33.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางราคาทองคำในตลาดโลก และสัญญาณการเจรจาการค้าของสหรัฐฯ และคู่ค้า ข
ณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต เดือนพ.ค. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (เบื้องต้น) เดือนมิ.ย. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลจีดีพีไตรมาส 1/68 ของญี่ปุ่น และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนพ.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ค. ด้วยเช่นกัน
ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย ดัชนีหุ้นไทยปิดลบตามแรงขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศและต่างชาติ หลังไร้ปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุน
ดัชนีหุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงกลางสัปดาห์ซึ่งเป็นวันทำการแรกหลังหยุดยาว โดยเผชิญแรงกดดันหลัก ๆ จากแรงขายหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับปรุงการคำนวณดัชนีของตลท. โดยจำกัดน้ำหนักหลักทรัพย์รายตัวที่เป็นองค์ประกอบในดัชนี SET50, SET50FF, SET100 SET100FF มีน้ำหนักไม่เกิน 10% เพื่อลดอิทธิพลของหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ต่อดัชนี ซึ่งจะมีผลตั้งแต่เดือนก.ค. 2568 เป็นต้นไป นอกจากนี้แรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์และพลังงานก็มีส่วนกดดันดัชนีหุ้นไทยด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นช่วงสั้น ๆ ในเวลาต่อมา ก่อนจะปรับตัวลงอีกครั้งในช่วงท้ายสัปดาห์ แม้จะมีปัจจัยบวกจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการหารือทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และจีนก็ตาม เนื่องจากไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน ประกอบกับมีแรงกดดันจากแรงขายหุ้นบิ๊กแคป โดยเฉพาะหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งและบริษัทด้านการกลั่นน้ำมันรายใหญ่แห่งหนึ่งจากประเด็นน้ำมันดิบรั่วไหลกลางทะเล
ในวันศุกร์ที่ 6 มิ.ย. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,136.43 จุด ลดลง 1.11% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 37,888.55 ล้านบาท ลดลง 8.35% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 0.67% มาปิดที่ระดับ 238.85 จุด
ส่วนสัปดาห์ถัดไป (9-13 มิ.ย. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,115 และ 1,100 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,145 และ 1,155 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ค. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ค. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. ของญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ค. ของจีน อาทิ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และตัวเลขการส่งออก
ที่มา : เงินบาทอ่อนค่า จับตาสัปดาห์หน้า 3 ปัจจัยสำคัญ-ราคาทองคำตลาดโลก