Head Top
ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 2 ก.ย.68 ‘ทรงตัว‘ ตลาดการเงินไร้ทิศทาง
Ads test

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 2 ก.ย.68 ‘ทรงตัว‘ ตลาดการเงินไร้ทิศทาง

ค่าเงินบาทวันนี้ 2 ก.ย.68 เปิดตลาด“ทรงตัว“ ที่ระดับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ “กรุงไทย“ ชี้ดอลลาร์อ่อน ตลาดการเงินไร้ทิศทาง มองกรอบเงินบาทวันนี้ 32.25-32.50 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.30 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.25-32.50 บาทต่อดอลลาร์ 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวไร้ทิศทาง ในลักษณะ Sideways แถวโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ (แกว่งตัวในกรอบ 32.29-32.33 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากตลาดการเงินสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันหยุด Labor Day ส่งผลให้ปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินเบาบางลง สะท้อนผ่านการเคลื่อนไหวไร้ทิศทางเช่นกัน ของเงินดอลลาร์ และราคาทองคำ 

นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้น รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะข้อมูลการจ้างงาน เพื่อประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์อย่างชัดเจน

แนวโน้มค่าเงินบาท

เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาท (USDTHB) มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways โดยอาจยังติดโซนแนวต้าน 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ขณะที่โซนแนวรับก็ไม่ควรจะต่ำกว่าโซน 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปมากนัก โดยเฉพาะในช่วงก่อนตลาดรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ (ไฮไลท์สำคัญ คือ ข้อมูลการจ้างงาน) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ได้อย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ในระยะสั้นนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองไทย ที่อาจทำให้ บรรดานักลงทุนต่างชาติต่างทยอยขายทำกำไรสินทรัพย์ไทยเพิ่มเติมได้ (จากการประเมินจังหวะการเข้าลงทุนในหุ้นและบอนด์ของบรรดานักลงทุนต่างชาติในปีนี้ เรามองว่า นักลงทุนต่างชาติยังพอมีโอกาสเดินหน้าขายสินทรัพย์ไทยได้พอสมควร หากสถานการณ์การเมืองไทยมีแนวโน้มวุ่นวายมากขึ้น)

ทั้งนี้ แม้เงินบาทจะเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าบ้าง ทว่า เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า หากราคาทองคำยังสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นทดสอบโซนแนวต้านสำคัญ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ อย่างไรก็ตาม เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดก็ควรระวังความผันผวนของราคาทองคำ ซึ่งอาจส่งผ่านมายังความผันผวนของเงินบาทได้ โดยเฉพาะหากราคาทองคำ ขาดปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดก็ปรับลดความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งอาจกดดันราคาทองคำได้พอสมควร และยิ่งสร้างแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้ 

เราขอแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรระวังความผันผวนของตลาดค่าเงิน ในช่วงทยอยรับรู้รายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด 

นอกจากนี้ เรายังคงมีความกังวลเดิม คือ ความผันผวนของเงินบาทที่อาจกลับมาสูงขึ้นได้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการดำเนินนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ในส่วนของ Transshipment Tariffs และสถานการณ์การเมืองไทย ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 

แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันหยุด Labor Day ทว่า ผู้เล่นในตลาดยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังตัวอยู่ สะท้อนผ่าน สัญญาฟิวเจอร์สของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways และมีจังหวะปรับตัวลดลงเล็กน้อยราว -0.10% โดยผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดได้อย่างมีนัยสำคัญ

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 รีบาวด์ขึ้น +0.23% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของบรรดาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมทหาร-การบิน อาทิ Rheinmetall +3.5% จากรายงานข่าวว่า ทางสหภาพยุโรปได้เตรียมแผนสนับสนุนทางการทหารที่ชัดเจนกับทางยูเครน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของหลักประกันความมั่นคง หลังการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังพอได้แรงหนุนบ้าง จากการปรับตัวขึ้นของหุ้นยาขนาดใหญ่ อย่าง Novo Nordisk +1.8% จากรายงานผลการวิจัยยา Wegovy ที่มีแนวโน้มดีกว่ายาของบริษัทคู่แข่ง 

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวไร้ทิศทางในกรอบ Sideways ท่ามกลางปริมาณการทำธุรกรรมที่เบาบาง จากวันหยุด Labor Day ของตลาดการเงินสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) เคลื่อนไหวแถวโซน 97.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 97.5-97.8 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ ปริมาณการทำธุรกรรมที่เบาบางลงจากฝั่งตลาดการเงินสหรัฐฯ ทำให้โดยรวม ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. 2025) เคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ก่อนที่จะทยอยปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย สู่โซน 3,550 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเช้าของตลาดการเงินฝั่งเอเชีย  

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตอุตสาหกรรม (ISM Manufacturing PMI) ของสหรัฐฯ ในเดือนสิงหาคม ซึ่งผู้เล่นในตลาดจะใช้ประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และประกอบการประเมินแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด ผ่านสัญญาณการจ้างงานของภาคการผลิตอุตสาหกรรมในรายงานดัชนี ISM PMI ภาคการผลิต แรงกดดันเงินเฟ้อจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ และภาวะโดยรวมของภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสหรัฐฯ โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง ในปีนี้ ราว 20% และประเมินเฟดมีโอกาสราว 24% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 4 ครั้ง ในปี 2026 

ในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาสถานการณ์การเมือง ทั้งแนวโน้มการยุบสภาโดยรัฐบาลรักษาการปัจจุบันของพรรคเพื่อไทย และแนวโน้มการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งมีตัวแปรที่ต้องติดตาม คือ มติของพรรคประชาชน ว่าจะจับมือจัดตั้งรัฐบาลใหม่กับพรรคการเมืองใด ระหว่างฝั่งพรรคเพื่อไทย กับ พรรคภูมิใจไทย

ที่มา : ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 2 ก.ย.68 ‘ทรงตัว‘ ตลาดการเงินไร้ทิศทาง



squareADS
squareADS
ข่าวราคาทอง
Ads test
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ การเข้าชมเว็บไซต์นี้ต่อไปถือว่าท่านยอมรับคุกกี้บนเว็บไซต์และ  นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งหมดที่ระบุไว้