Head Top
โอกาสในการสร้าง “อิสระทางการเงิน” ที่คุณเลือกได้
Ads test

โอกาสในการสร้าง “อิสระทางการเงิน” ที่คุณเลือกได้

สินทรัพย์คือสิ่งที่ช่วยสร้างรายได้และทำให้มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่สินทรัพย์ประเภทที่ค่อย ๆ ลดค่า หรือหมดมูลค่าไปตามกาลเวลา ดังนั้น เราต้องตัดสินใจให้ดีครับ ว่าจะเลือกถือสินทรัพย์แบบไหนไว้กับตัว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระยะยาว

“ทำงาน” ต่างกับ “ทำธุรกิจ”

เราลองมาคิดถึงแนวทางที่จะช่วยจุดประกายและขับเคลื่อนเราไปสู่การสร้างสินทรัพย์กันก่อนนะครับ โดยหลัก ๆ แล้วจะมีอยู่สองเส้นทางให้เลือก นั่นก็คือการ “ทำงาน” ไม่ว่าจะในฐานะลูกจ้าง พนักงานบริษัท หรือแม้แต่การออกไปเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละเส้นทางต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

ถ้าเลือกทำงานเป็นลูกจ้างก็ต้องคอยพยายามหางานที่ดี มีความมั่นคงในการได้รับเงินเดือนอยู่ทุกเดือน และค่อย ๆ ไต่ตำแหน่งขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่ก็อย่าลืมว่ารายจ่ายที่สำคัญที่สุดของมนุษย์เงินเดือนเหล่านี้ (รวมถึงผมด้วย) ก็คือคำว่า “ภาษี” ซึ่งแน่นอนว่าคำว่าภาษีมนุษย์เงินเดือนไม่อาจพลิกแพลงได้

ดังนั้น คนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนหรือคนทำงานเป็นลูกจ้างก็ควรหาช่องทางการหาเงินเพิ่มเติม เช่น การลงทุน เพื่อให้เงินทำงานแทนเรา เหมือนเราได้เป็นเจ้าของธุรกิจไปในตัว

ถ้าเลือกทำธุรกิจของตัวเอง ให้คิดเสมือนว่าเรากำลังสร้างอาณาจักรสินทรัพย์ของตัวเอง ซึ่งธุรกิจที่ดีนั้นจะต้องเป็นธุรกิจที่สามารถปล่อยให้ตัวธุรกิจเองจัดการเองได้ แต่เราก็ต้องดูดี ๆ ว่าธุรกิจที่เราจะสร้างนั้นมันจะโตได้ด้วยตัวเองจริงหรือเปล่า

แต่หากเราต้องคอยไปยุ่งกับธุรกิจเราตลอดเวลา จนไม่มีเวลาปลีกตัวไปไหน ผมมองว่ามันจะเป็นเหมือนกับว่าเราเป็นลูกจ้างให้ตัวเองเสียมากกว่า หรือเรียกว่าเป็นลูกผสมระหว่างทำงานกับทำธุรกิจ (ที่โตได้)

จากประสบการณ์ของผม คนรวยมักจะหาช่องทางการหารายได้เพิ่มขึ้น หรือเน้นไปที่ปลูกสินทรัพย์ให้โตขึ้น ในขณะที่ลูกจ้างมักจะมองหารายได้ที่ดีเป็นหลัก แต่จะลืมมองการสร้างสินทรัพย์ต่อในอนาคต ทั้งนี้ ผมไม่ได้บอกว่าการได้เงินเดือนเยอะเป็นสิ่งที่ไม่ดี

แต่ลำพังการได้เงินเดือนเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่พอที่จะทำให้เราเป็นอิสระทางการเงินได้ ดังนั้น การเสริมสร้างสินทรัพย์ที่สามารถสร้างรายได้จะเป็นการเพิ่มโอกาสทางการเงินได้อย่างถูกทางครับ

ทำงานโดยมุ่งหวังที่จะเพิ่มสินทรัพย์

เราสามารถเปลี่ยนทัศนคติในการ “ทำงาน” ของเราได้ตลอดระยะเวลาที่เราทำงาน ซึ่งคนที่รับเงินเดือนประจำมีความเป็นไปได้สูงที่จะหลงติดอยู่กับคำว่า “รายได้ประจำ” จนลืมไปว่าการสั่งสมสินทรัพย์ต่างหากที่เป็นเป้าหมายที่ควรมีอยู่ในใจ (ถ้าอยากหลุดวนเวียนของความจน) ดังนั้น ถ้าเลือกที่จะ “ทำงาน” ประจำก็ต้องมีทัศนคติของคนรวย คิดแบบคนรวย และทำแบบคนรวยให้ได้

“เงิน” เป็นคำที่ทรงพลังอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องเป็นฝ่ายควบคุมเงิน ไม่ใช่ปล่อยให้เงินมาควบคุมเรา คนที่ไม่มีเงินก็ไม่ต่างจากการที่สูญเสียอิสระทางการเงินไปโดยปริยาย แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ คนที่คิดว่าเงินไม่สำคัญ ทำงานไปวัน ๆ อย่างเช้าชามเย็นชาม คนกลุ่มนี้จะหลุดพ้นจากวงจรความยากจนได้ยาก

เพราะพวกเขาไม่ได้แม้แต่จะตระหนักว่าตัวเองต้องการหลุดพ้นจากวงจรนั้น และแน่นอนว่าการใช้ชีวิตแบบพอเพียงไม่ได้หมายถึงการใช้ชีวิตไปวัน ๆ อย่างไร้เป้าหมาย แต่คือการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุผล ใช้จ่ายอย่างเหมาะสมกับฐานะของตัวเอง เพื่อก้าวออกจากวงจรแห่งความจนให้ได้อย่างแท้จริง

สำหรับตัวผมเอง ผมเชื่อว่าวิธีที่ดีที่สุดในการ “ทำงาน” คือคิดอย่างคนที่ประสบความสำเร็จทางการเงิน ไม่ใช่ทำงานเพราะหวาดกลัวความขาดแคลน คนทำงานทุกคนควรย้ำเตือนตัวเองให้มีทัศนคติและความคิดของตัวเองอยู่เสมอ เพราะการทำงานไม่ใช่แค่การหารายได้เพียงอย่างเดียว

แต่คือการได้สัมผัสโลกแห่งความเป็นจริง และสั่งสมประสบการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากเราทำงานเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว เราอาจหลงทางและไปเน้นที่ผลตอบแทนชั่วคราว จนลืมสร้างสินทรัพย์ที่มั่นคงและอิสระทางการเงินแบบยั่งยืนในระยะยาว

โดยทั่วไปแล้วลูกจ้างหรือพนักงานมักจะถูกสอนให้ยึดติดกับคำว่า “ความมั่นคง” จากเงินเดือน หรือผลประโยชน์รายเดือนที่ได้รับ ซึ่งผมมองว่านั่นคือผลประโยชน์เพียงระยะสั้นเท่านั้น ในระยะยาวพวกเราควรทำงานเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ สร้างภูมิปัญญา และเรียนรู้วิธีคิดที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากวงจรที่ต้องวิ่งตามเงิน แล้วมีอิสรภาพทางการเงินได้ในที่สุด

จากประสบการณ์ที่ได้เห็นมา การมีความรู้รอบด้าน ประกอบกับความเชี่ยวชาญเฉพาะทางสักหนึ่งหรือสองด้านนั้น เป็นแนวทางที่เหมาะสมมากที่สุด เพราะความเชี่ยวชาญทางเทคนิคเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะทำให้เราร่ำรวยได้เสมอไป ยกตัวอย่างเช่น คนที่รวยที่สุดอาจไม่ใช่เชฟที่ทำอาหารอร่อยที่สุด แต่กลับเป็นคนที่สามารถเปลี่ยนอาหารธรรมดา ๆ ให้ขายดีจนร่ำรวยได้

เช่นเดียวกับในวงการประกันภัย แอ็กชัวรี่ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ก็ไม่ใช่แอ็กชัวรี่ที่สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดเสมอไป แต่เป็นแอ็กชัวรี่ที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ทั่วไปให้กลายเป็นสินค้าที่ขายได้และได้รับความนิยมในตลาด (แม้จะไม่ใช่สินค้าที่ดีที่สุดก็ตาม)

บทสรุป

การเลือกเส้นทางในการสร้างสินทรัพย์เพื่ออนาคตนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรตระหนัก โดยมีสองทางเลือกหลัก ๆ คือ การทำงานเป็นลูกจ้างและการทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งแต่ละแนวทางมีลักษณะเฉพาะและข้อดีข้อเสียที่ต่างกันออกไป การทำงานในฐานะลูกจ้างช่วยให้มีรายได้ที่แน่นอนและมั่นคงในระยะสั้น แต่ก็ควรมีการวางแผนเพิ่มเติม เพื่อสร้างสินทรัพย์ที่จะช่วยให้มีอิสระทางการเงินในระยะยาว

ในขณะที่การทำธุรกิจส่วนตัวเปิดโอกาสให้เราสร้างสินทรัพย์ที่สามารถเติบโตได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาเราตลอดเวลา หัวใจสำคัญของทั้งสองแนวทางคือ การมีทัศนคติและความคิดเน้นการสร้างสินทรัพย์และสะสมประสบการณ์ เพื่อความมั่นคงและอิสรภาพทางการเงินในอนาคต

การมีมุมมองที่กว้างไกล มองหาโอกาสใหม่ ๆ และเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงแนวคิดเกี่ยวกับเงินและการทำงาน จะช่วยให้เราสามารถหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน และมีชีวิตที่มีอิสระทางการเงินอย่างแท้จริง

ที่มา : โอกาสในการสร้าง “อิสระทางการเงิน” ที่คุณเลือกได้



squareADS
squareADS
ข่าวราคาทอง
Ads test
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ การเข้าชมเว็บไซต์นี้ต่อไปถือว่าท่านยอมรับคุกกี้บนเว็บไซต์และ  นโยบายข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งหมดที่ระบุไว้