TikTok เดือด! ปัดข่าวซื้อเหรียญ TRUMP ตอบกลับ ส.ส. สหรัฐฯ หลังถูกโยงเป็น สินบน 300 ล้านดอลลาร์
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังจากจีน TikTok ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหา Brad Sherman สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแคลิฟอร์เนีย กล่าวหาว่าเจ้าของ TikTok ว่าบริษัทได้เข้าซื้อเหรียญดิจิทัล “TRUMP” ซึ่งเป็นเหรียญมีมของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถึง 300 ล้านดอลลาร์
“ส.ส. ท่านนี้กล่าวว่าเจ้าของ TikTok ซื้อเหรียญ Trump ถือเป็นเรื่องที่ไม่เป็นความจริง และเป็นการให้ข้อมูลอย่างไม่รับผิดชอบ อีกทั้งยังบิดเบือนจากจดหมายที่คุณลงชื่อไว้เมื่อเดือนที่แล้ว”
Congressman, claiming that the owners of TikTok are buying "Trump Coins" is patently false and irresponsible and doesn’t even accurately reflect a letter you signed last month. https://t.co/8uxxPrKlzP
— TikTok Policy (@TikTokPolicy) June 19, 2025
การกล่าวหาดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากข่าวที่ว่า Donald Trump ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับใหม่ ซึ่งเป็นการเลื่อนเวลาการแบนหรือบังคับขาย TikTok ออกไปอีก 90 วัน นับเป็นครั้งที่สามที่มีการเลื่อนเวลา ส่งผลให้ TikTok ยังมีเวลาหาผู้ซื้อในสหรัฐฯ ต่อไป
อย่างไรก็ตาม Sherman แสดงความเห็นว่ากฎหมายสหรัฐฯ อนุญาตให้ขยายเวลาได้เพียงครั้งเดียว และการที่ Trump ไม่ได้ดำเนินการตามคำสั่งเดิมให้แบน TikTok ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมกับโยงไปถึงรายงานของ GD Culture Group บริษัทที่ผลิตคอนเทนต์ AI บน TikTok ซึ่งประกาศแผนการซื้อเหรียญ TRUMP และ Bitcoin มูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ในเดือนพฤษภาคม
The law allows only one single extension, so Trump’s failure to enforce it is illegal.
However, the Chinese owners of TikToK have announced they are buying “Trump Coins” for $300 million. Trump creates “Trump Coins” at no cost, meaning this is just a $300 million bribe that goes… https://t.co/kBzCMUcN7t
— Congressman Brad Sherman (@BradSherman) June 19, 2025
แม้ว่า GD Culture จะไม่ได้มีความสัมพันธ์โดยตรงกับ TikTok หรือ ByteDance บริษัทแม่ แต่ Sherman ยังคงกล่าวหาว่านี่เป็น “สินบนมูลค่า 300 ล้านดอลลาร์ ที่เข้ากระเป๋า Trump โดยตรง เนื่องจากเหรียญ TRUMP ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีต้นทุน”
สิ่งที่น่าสนใจคือ Sherman เคยมีท่าทีไม่เป็นมิตรต่อโลกคริปโตมาก่อนหน้านี้ โดยเคยเรียกร้องให้แบนคริปโตทั้งหมดตั้งแต่ปี 2019 โดยเขาให้เหตุผลว่าคริปโตอาจกลายเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของดอลลาร์สหรัฐฯ
ในขณะที่ฝั่ง Trump กลับมีแนวโน้มสนับสนุนสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะ Stablecoin ที่ตรึงค่าไว้กับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการรักษาอำนาจของดอลลาร์ในระบบเศรษฐกิจโลก
ที่มา: Cointelegraph
.jpg?ip/crop/w1200h700/q80/jpg)
